ประโยชน์ของ การเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ คือ เราจะสามารถเข้าถึงสมองส่วนกลางหรือสมองส่วนที่เป็น“ปัญญาญาณ”ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งสมองส่วนนี้จะทำให้เราสามารถค้นพบศักยภาพที่แท้จริงจากจักรวาล เป็นศักยภาพที่สมองปรกติไม่สามารถเข้าถึงได้ เราจะกลายเป็นอัจฉริยภาพทางด้านต่างๆ ตามที่เรามีความหลงไหล (Passion) อย่างที่เรามักจะได้ยินกันเสมอว่า มนุษย์ส่วนใหญ่ใช้สมองเพียงแค่ 5 % อีก 95% ถูกบางสิ่งบางอย่างปกปิดเอาไว้
…
“การลงมือทำความดีอย่างเป็นรูปธรรม จะส่งผลให้จิตสำนึกสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ”
…
แต่อุปสรรคสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณนี้ได้คือ ความดีที่เราทำนั้นมักจะมีบางสิ่งบางอย่างแอบแฝงอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเพื่อตัวเอง หากเราสำรวจที่ใจแบบไม่เข้าข้างตัวเอง เราก็จะสามารถมองเห็นมันได้ซึ่งมันมักจะบางเบาจนแทบมองไม่เห็น เช่นการทำความดีแบบหวังสิ่งตอบแทนหรือทำเพื่อที่จะได้บุญได้ขึ้นสวรรค์ เป็นต้น
…
หรือบางครั้งเราก็สำรวจใจแล้วว่าเราไม่ได้ทำความดีนั้นด้วยการหวังสิ่งตอบแทน เช่นการไปบริจาคสิ่งของหรือเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้า ซึ่งบ่อยครั้งที่เราทำไปแล้วมีความรู้สึกลึกๆ บอกว่ามันยังไม่เป็นที่สุด เพราะว่าหากเราคิดให้ลึกซึ้งหลังจากที่เราเลี้ยงอาหารเด็กๆ เหล่านั้นไปแล้ว พวกเขาก็ยังอยู่ในความขาดแคลนอยู่ดี พรุ่งนี้หากไม่มีคนใจบุญมาเลี้ยงดูเขาอีก เขาก็จะยังมีชีวิตแบบตามมีตามเกิดเหมือนเดิมอยู่ดี
…
จิตวิญญาณภายในของเราเขาฉลาด เขารู้ดีว่าสิ่งที่เราทำนั้นมันยังไม่สมบูรณ์ เขารู้ว่าเราสามารถทำได้ดีกว่านั้น และที่สุดของที่สุดสิ่งที่เราทำไปนั้นจะต้องเกิดประโยชน์ในทุก ๆ มิติทางสังคม
…
และนี่คือที่มาของโครงการสร้าง “ชุมชนอารียา” (Pureland) ซึ่งเป็นโครงการสร้างชุมชนต้นแบบที่จะเริ่มต้นด้วยการ“ให้” เป็นชุมชนที่มีแต่การแบ่งปัน โดยจะมีการระดมสรรพวิชา เพื่อจำลองชุมชนแห่งนี้ให้มีความสมบูรณ์แบบทั้งทางกายภาพและทางด้านจิตวิญญาณ หรือพูดง่ายๆว่าจะทำพื้นที่แห่งนี้ให้สมบูรณ์ในทุกๆด้าน (เช่นเดียวกับดาวทึงร่า) ทั้งด้านสัมมาอาชีพ ด้านเกษตรกรรม ด้านพลังงาน ด้านสังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมการอยู่ร่วมกัน เพื่อที่จะนำต้นแบบนี้ไปขยายผลในแบบมหาภาคต่อไป
…
วันนี้ผมจึงขออนุญาตประกาศอย่างเป็นทางการว่าเราได้เริ่มต้นโครงการ “ชุมชนอารียา”(Pureland) ขึ้นแล้ว ถึงสองแห่ง
แห่งแรกคือ “ชุมชนอารียาสะเมิง” จ.เชียงใหม่ โดยมีคุณวิชัย วนวิทย์ เป็นประธาน ท่านได้อุทิศที่ดินจำนวน 70ไร่เศษ และทุนทรัพย์สำหรับสิ่งปลูกสร้างในโครงการทั้งหมด
แห่งที่สองคือ “ชุมชนอารียาหนองนาคำ” จ.อุดรฯ โดยมีคุณหมอพงษ์ศักดิ์ เกิดวงค์บัณฑิต เป็นประธาน ท่านได้อุทิศที่ดินจำนวน 144 ไร่ และมอบทุนทรัพย์ในการปรับปรุงและเตรียมความพร้อมให้กับพื้นที่
…
ขออนุโมทนากับการตัดสินใจทำของทั้งสองท่านมา ณ ที่นี้ด้วย เพราะนี่คือการทำความดีแบบที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดในทุกมิติ มันคือจุดเริ่มต้นของโลกยุค“ศิวิไลซ์” มันคือการทำความดีที่แยบยล เป็นความดีที่ถูกวางแผนมาอย่างเป็นระบบ เป็นความดีที่เป็นความปรารถนาสูงสุดของจิตวิญญาณภายในของเรา นั่นคือความต้องการจะเห็นโลกทั้งโลกกลายเป็นแดน “สุขาวดี” กลายเป็นดินแดนที่มีแต่ความสงบสุข และแน่นอนสิ่งที่ท่านได้ตัดสินใจลงมือทำไปนี้ จะส่งผลให้จิตสำนึกของท่านสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณได้โดยไม่ต้องเพ่งพยายาม
…
นับเป็นนิมิตหมายแห่งการเริ่มต้นที่ดี เพราะเดือนนี้มีวันแห่งความรักถึงสองวัน นั่นคือวันแห่งความรักของชาวคริสต์และชาวพุทธ (มาฆบูชา) และที่พิเศษที่สุดคือเดือนนี้อยู่ในปีอธิกสุรทิน เป็นปีที่เดือนกุมภาพันธ์ที่มี 29 วัน สาธุชนที่รักทุกท่าน ผมขอแจ้งข่าวดีกับทุกท่านว่าท่านก็สามารถสั่นสะเทือนจิตสำนึกเป็นคลื่นเดียวกับกระแสความรักนี้ได้เช่นกัน ไม่ว่าท่านจะมีส่วนร่วมกับโครงการนี้ทางใด แม้เพียงการร่วมกันแสดงความคิดเห็นเสนอแนะตัวอย่างที่สำเร็จหรือล้มเหลว หรือการร่วมบริจาคทุนทรัพย์เพียงเล็กน้อย เพราะจิตสำนึกของเรารู้ดีว่าเราทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร และมันจะส่งผลอย่างไรต่อไป
…
นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆแห่งการสร้างสรรค์อารยธรรมของชาวศิวิไลซ์ให้อุบัติขึ้นบนโลกใบนี้อย่างเป็นรูปธรรม จึงขอเชิญทุกท่านมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการประกาศให้โลกรู้ว่าดินแดนที่ “อุดมไปด้วยความรักความเมตตา” นั้นมีอยู่จริง…
…
อารียา เมตายา
29.02.2020

ขอบคุณ ขอบคุณ เเละขอบคุณ
เบิกบาน ซาบซึ้งมากค่ะ🙏