Areeya Metaya Blog

มี “ปัญญา” ไม่ได้หมายความว่ามี “ความรู้” จากภายนอกมาก
แต่หมายถึงการตระหนักรู้จากภายใน
ผ่านกระบวนการพิจารณา
ผ่านการสัมผัสรับรู้บางสิ่งบางอย่าง จนสามารถเห็นความหมาย
เห็นความเชื่อมโยง และเกิดความเข้าใจความจริงนั้นด้วยตนเอง

“หนึ่งภาพล้านคำ” กับ อารียาเมตายา คือกิจกรรม
ปลูกปัญญาผ่านการร่วมแสดงความหมายผ่านภาพวาด
กติกา: เมื่อเห็นภาพวาดที่โพสต์นี้แล้ว รู้สึกถึงความหมายอะไร
(มันคืออะไร, รู้สึกอย่างไร หรือมันกำลังบอกอะไร โดยจะมีภาพโพสต์ให้ร่วมแสดงความเห็นทุกวัน) โดยให้เขียนไว้ที่คอมเมนท์ใต้ภาพ ท่านสามารถเขียนได้มากกว่าหนึ่งคอมเม้นท์ พร้อมกับแชร์ให้กับเพื่อนๆ เพื่อเชิญชวนกันร่วมแสดงปัญญา

20 อันดับผู้ที่เขียนความหมายอันแสดงถึงปัญญามากที่สุด
จะได้รับของที่ระลึกจากผู้เขียน อารียาเมตายา และสิทธิ์ในการเข้าร่วมงาน
พบปะสังสรรค์ โดยจะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคมจนถึงวันที่ 31 สิงหาคมศกนี้ แต่รางวัลที่สำคัญที่สุดที่ทุกท่านจะได้รับจากการร่วมกิจกรรมคือ “ปัญญา” ซึ่งเป็นสมบัติอันล่ำค่าที่ไม่มีใครสามารถหยิบยื่นให้ได้นอกจากตัวเอง

ปล.1) กรุณางดการส่งสติ๊กเกอร์หรือคำขอบคุณ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจนับ
ปล.2) หากต้องการให้กระบวนการปลูกปัญญาเกิดผลสูงสุดกับตัวเอง กรุณาอย่าเพิ่งอ่านความเห็นของสมาชิกท่านอื่น ให้ดูภาพแล้วเขียนความหมายที่ปรากฏในใจนั้นก่อน เมื่อเขียนเสร็จแล้วค่อยกลับมาอ่านของคนอื่น

ด้วยความปรารถนาจะเห็นสังคมอุดม “ปัญญา”
ที่จะปรากฏขึ้นบนโลกในกาลอันใกล้นี้


อารียาเมตายา

สนใจสั่งซื้อหนังสืออารียาเมตายา เล่ม 1 และเล่ม 2 ได้ที่ลิงค์
https://www.areeyametaya.com/shop/

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

  1. Pinkpark พูดว่า:

    ตระหนักรู้ตัวตน…ตื่น เบิกบาน
    เห็นสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา…ซึ่งก็จะผ่านไป
    เห็นความจริงแท้ ที่อยู่ตรงนั้น เป็นแสงสว่างที่เชื่อมโยง เป็นแหล่งพลังงาน…ที่เป็นนิรันดร์

  2. Natt Kampalawalee พูดว่า:

    ความจริงฉายแสงปรากฏอยู่ต่อหน้าเราตลอดเวลา เพียงแต่เราปล่อยให้คลื่นมาบดบังความจริงนั้น หลงไหล ไขว้เขว กังวล กลัวไปกับอะไรก็ตามที่เกิดจากคลื่นนั้น จนลืมไปว่า เมื่อเข้าใจถึงความจริงแล้ว คลื่นก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไร อย่าให้สิ่งเล็กน้อยนั้นมาปิดกั้นความจริงและจำให้ได้ว่าเราเป็นอะไร

  3. ปกรณ์ เจียมสกุลทิพย์ พูดว่า:

    ท่ามกลางคลื่นลมที่เชี่ยวกรากยังพอจะมีช่องให้แสงสว่างผ่านลอดมาถึงผิวน้ำ ดอกบัวที่มีศรัทธาว่าท่ามความมืดมิดและเชี่ยวกรากของกระแสน้ำด้านล่าง ยังคงมีแสงสว่างอยู่ด้านบนเท่านั้น จึงจะเติบโตมาเจอแสงสว่างเหนือผิวน้ำได้

    ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาคือ เพราะแสงดอกบัวจึงบานพ้นน้ำใช่หรือไม่?

    แต่พอพิจารณาดูแล้วภาพนี้กลับเป็นการบอกเราว่า แม้จะมีแสงเหนือผิวน้ำ หากแต่มันอาจจะส่องไปไม่ถึงใต้ผิวน้ำที่ลึกได้ ดอกบัวเองที่กำลังจะเติบโตจากใต้น้ำขึ้นมา ต้องมีความตระหนักรู้ก่อนว่าตัวตนที่แท้จริงของเรา “เป็น” สิ่งใด เราสามารถจะงดงามได้เพียงใด สถานที่ๆ เหมาะสมกับเราไม่น่าจะเป็นภายใต้กระแสน้ำอันมืดมิด เชี่ยวกราก และ เยือกเย็นแต่เป็นความงามเมื่อพ้นน้ำมาแล้ว

    เมื่อมีความตระหนักรู้แล้วว่า “เป็น” อะไร ดอกบัวจะต้องอาศัยแรงศรัทธาและความพยายามในช่วงแรก ที่จะค่อยๆเติบโตขึ้นมา จากส่วนที่มืดมิดที่สุดของพื้นน้ำ เพื่อให้มาเห็นแสงสว่างร่ำไรในบริเวณที่แสงส่องลงไปถึง หลังจากนั้นกระบวนการต่างๆจะเป็นไปโดยธรรมชาติที่ช่วยเหลือให้กลายเป็นดอกบัวที่บานเต็มที่เพื่อพ้นน้ำขึ้นมา

    เมื่อดอกบัวพ้นน้ำมาแล้ว จึงเห็นได้ว่ากระแสน้ำเชี่ยวกรากเพียงใด ตัวเองโชคดีเพียงใดที่ได้เติบโตเบิกบานพ้นคลื่นเหล่านี้ขึ้นมาได้ และเมื่อรับแสงจนเพียงพอแล้ว ดอกบัวเองคงอยากจะลงไปบอกต้นอื่นๆด้านล่างที่กำลังเติบโตอยู่ถึงกระบวนการที่ทำให้พ้นน้ำขึ้นมาได้และคงไม่อยากให้ต้นใดๆจากกอบัวด้านล่าง อยู่และตายไปในกระแสน้ำอันมืดมิดและเชี่ยวกรากดังที่ตัวเองเห็นผ่านมาตลอดทาง

  4. กรุณา หล้าสรวย พูดว่า:

    จันทราพาแสงเย็น
    ฉายส่องเห็นถึงดอกบัว
    ปลาสน์ความมืดมัว
    คลื่นโหมกลัวมิกล้ำกลาย
    ฉายส่องเผยดวงจิต
    ผุดผละผลิเหนือเรือนกาย
    ปราชญาเฉิดฉานฉาย
    สื่อความหมายแทนความนัย.

  5. Thanida Saphui พูดว่า:

    สำหรับฉันคือการค้นหาตัวตนของตัวเองให้เจอ สื่อสารกับตัวตนขั้นสูงของตัวเอง ทำหน้าที่ของตัวเองที่ลงมาเกิดให้สมบูรณ์ที่สุดและกลับบ้านไปหาต้นกำเนิดของตัวเองกลับไปหาพระผู้สร้าง ต้นกำเนิดของแสง

  6. นิสาชล จันทร์หอม พูดว่า:

    ถ้าเปรียบจิตวิญญาณของเราคือดอกบัว ที่พ้นน้ำ คือการ รู้แล้ว เข้าใจแล้วว่าเป็นแบบนี้ การที่ปัจจัยภายนอกถาโถมเข้ามา(คลื่น) ไม่ว่าจะเป็นแรงกระแทก แรงกดดันต่างๆ ปัญหามากมายที่ต้องเจอ สังคมรอบข้าง ก็ไม่มีผลกับจิตวิญญาณของเราที่รู้ว่าเรากำลังทำอะไร ตั้งมั่นในสิ่งที่กำลังทำ กำลังปฏิบัติ และก็ยังเรียนรู้ และพยายามเข้าใจ

  7. สิรภพ กัณหาธนาธิป พูดว่า:

    ชีวิตเราเฉกเช่นดอกบัวที่อยู่ท่ามกลางมรสุม แสงสว่างจะนำพาให้พ้นจากห้วงมรสุมนี้ไปได้

  8. ความหมายของภาพ เปรียบเหมือนตัวฉันในตอนนี้ ที่ต้องกว้าวผ่านอุปสรรคต่างๆนานๆเพิ่มที่จะเห็นแสงตะวัน ถึงเห็นแสงตะวันแล้วก็ต้องทนต่อกับที่ที่ถาโถมเขามาในชีวิตคุณต่อ ไม่มีความสำเร็จอะไรที่ได้มาโดยง่าย สิ่งที่ได้มาถ้าคุณไม่รู้จักรักษาก็อาจพังลงได้เช่นกัน ต่อให้คนนับล้านดูถูกเรา ถ้าเรายังนั่งคิดถึงคำพูดเหล่านั้นอยู่ชีวิตก้อยู่ที่เดิม เราควรปล่อยวางจากสิ่งรบกวนรอบข้างแล้วลุกขึ้นสู้ไปใด้ถึงเป้าหมายในชีวิต เช่นดอกบัวนี้ ถึงอยู่ผิดที่แต่ก็ยังสามารถโตโผ่พ้นน้ำทะเลขึ้นมาได้ ถึงโผ่ขึ้นมาได้แล้วก็ต้องทนต่อครืนที่ค่อยถาโถมเข้ามาตลอดเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด ชีวิตผมในตอนนี้ก็เช่นกัน

  9. กัญจณัฐฏ์ เอกอัครพงศ์ พูดว่า:

    ท่ามกลางความวุ่นวาย สับสน แก่งแย่ง ชิงดี อาฆาตมาดร้าย แสงสว่างเพียงน้อยนิด ก็สามารถทำให้เราเติบโตได้ ทำให้เรารอดได้ ให้เชื่อมั่น ไว้วางใจ ตามแสงที่ส่องสว่างมา เราก้อจะรอดพ้นจากคลื่นที่กำลังถาโถม

  10. กัญจณัฐฏ์ เอกอัครพงศ์ พูดว่า:

    การตื่นรู้ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย จากสภาพแวดล้อม แสงสว่างที่ส่องลงมาท่ามกลางคลื่นที่เชี่ยวกราด แสงสว่างแห่งปัญญา ที่ทำให้ดอกไม้ได้เติบโตและผลิบาน



  • บทความล่าสุด

  • TAG

  • พฤศจิกายน 2025
    จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
     12
    3456789
    10111213141516
    17181920212223
    24252627282930