ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าความเศร้าหมองมาจากไหน แท้ที่จริงความเศร้าหมองนั้นเกิดมาจาก“ความคิด” ที่มีส่วนผสมของความ “ไม่เข้าใจ”(ความไม่รู้) เมื่อมันผสมกันอย่างลงตัวแล้วมันจึงแสดงออกมาเป็น “ความเศร้าหมอง”และก็พัฒนาต่อไปเป็น“ความทุกข์” กระบวนการนี้จะพิสูจน์ได้กับเด็กเล็กๆที่มักจะไม่มีความทุกข์ทั้งๆ ที่เขาก็กำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์เช่น เกิดในครอบครัวที่ยากจนข้นแค้น แต่ที่เขาไม่รู้สึกถึงความทุกข์หรือความเศร้าหมองเพราะเขายังไม่มี “ความคิด”
…
ความเศร้าหมองสามารถจำแนกได้หลายๆประเภทดังนี้
.
ประเภทที่ 1.) ความเศร้าหมองที่เกิดจากความทุกข์ทางกาย ใครที่ไม่เข้าใจที่มาที่ไปของสภาวะความทุกข์ทางกายที่เกิดขึ้น เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับมันเช่น ยากจน, ทำงานหนัก, เป็นโรคร้าย ฯลฯ กระบวนการทางความคิดก็จะเกิดขึ้นเช่น ทำไมฉันเกิดมาลำบาก ทำไมฉันต้องทำงานหนัก ทำไมฉันถึงเป็นโรคร้าย ฯลฯ แต่หากเราใช้ความคิดให้ถูกต้องโดยมีส่วนผสมกับความ“เข้าใจ”(ความรู้)คือ เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเหมาะสมในแต่ละบทบาทที่อาสามาทำ เขาผู้นั้นจะคลายจากความเศร้าหมองนั้นทันที
…
ประเภทที่ 2.) ความเศร้าหมองที่เกิดจากความทุกข์ทางใจ ใครที่ไม่เข้าใจที่มาที่ไปของสภาวะความทุกข์ทางใจที่เกิดขึ้นนี้ เมื่อตัวเองต้องเผชิญหน้ากับมันเช่น โดนดูถูก, โดนหักหลัง, โดนกล่าวหาว่าร้าย ฯลฯ กระบวนการทางความคิดก็จะเกิดขึ้นเช่น ทำไมฉันถึงโดนดูถูก ทำไมฉันถึงโดนหักหลัง ทำไมฉันถึงโดนกล่าวหาว่าร้าย ฯลฯ แต่หากเราใช้ความคิดในทางที่ถูกต้องโดยมีส่วนผสมของความ“เข้าใจ”คือ เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเหมาะสมในแต่ละบทบาทที่อาสามาทำ เขาผู้นั้นจะคลายจากความเศร้าหมองนั้นทันที
…
ประเภทที่ 3.) ความเศร้าหมองที่เกิดจากความชั่วหรือความผิดพลาดของตัวเอง (guilty) ใครที่ไม่เข้าใจที่มาที่ไปของสภาวะความชั่วหรือความผิดพลาดของตัวเองนี้ เมื่อตัวเองต้องเผชิญหน้ากับมันเช่น รู้สึกสิ้นหวังไร้ค่า, หดหู่, โทษตัวเอง ทำร้ายตัวเอง ฯลฯ กระบวนการทางความคิดก็จะเกิดขึ้นเช่น ทำไมฉันถึงทำเช่นนั้น ทำไมฉันเป็นคนแบบนั้น ฯลฯ แต่หากเราใช้ความคิดให้มีส่วนผสมของความ“เข้าใจ”คือ เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเหมาะสมในแต่ละบทบาทที่ได้อาสามาทำ เขาผู้นั้นจะคลายจากความเศร้าหมองนั้นทันที
…
ประเภทที่ 4.) ความเศร้าหมองที่เกิดจากความดีหรือความถูกต้อง ปัญหาใหญ่ที่สุดของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนดี ประพฤติดีอยู่ในศีลในธรรมคือ เมื่อเห็นความเห็นความทุกข์ยากของคนอื่น เห็นการเอารัดเอาเปรียบ เห็นความไม่ถูกต้องดีงาม เห็นอารมณ์ลบ เห็นความขัดแย้ง ฯลฯ กระบวนการทางความคิดก็จะเกิดขึ้นทันทีคือ เขาจะรู้สึกเบื่อหน่าย ไม่ต้องการจะรับรู้ ต้องการจะหนีไปจากสังคม หดหู่ หลีกเร้น เก็บตัว ฯลฯ แต่หากเราใช้ความคิดให้มีส่วนผสมของความ“เข้าใจ” คือ เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป เข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีความเหมาะสมในแต่ละบทบาทหน้าที่ที่ได้อาสามาทำ เขาผู้นั้นจะคลายจากความเศร้าหมองนั้นทันที
.
พี่น้องที่รักทุกท่านเมื่อไหร่ที่ท่านมีความเศร้าหมองอยู่ในใจ จงรีบเปลี่ยนมันให้กลายเป็นความผ่องใสเบิกบานเถิด และวิธีการเดียวที่จะสามารถเปลี่ยนสภาวะความเศร้าหมองให้เป็นความผ่องใสเบิกบานได้อย่างแท้จริงคือ “การทำความเข้าใจ” เพราะมันคือกุญแจดอกเดียวที่จะไขเข้าสู่สภาวะนั้น มันจะไม่ขึ้นอยู่กับอะไรทั้งสิ้น มันคือศักยภาพที่มาจากตัวท่านเอง มันจะเป็นความเบิกบานที่ถาวรเพราะท่านเป็นผู้กำหนด หากท่านเข้าใจกระบวนการนี้แล้ว นอกจากท่านจะคลายความเศร้าหมองนั้นได้อย่างสิ้นเชิง ท่านยังจะนำความเบิกบานที่ได้ไปขับดันให้ทำบางสิ่งบางอย่างซึ่งเป็นด้านตรงข้าม ท่านจะสามารถแสดงออกมาซึ่งความสร้างสรรค์ ท่านจะมีความรัก ความปรารถนาดี จนต้องลงมือทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับโลกกับสังคม
…
อารียา เมตายา
8.06.2563