Areeya Metaya Blog

มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง สามีมีอาชีพเป็นลูกจ้างชั่วคราวในร้านขายวัสดุก่อสร้างทำงานแบกหาม ภรรยาเป็นแม่บ้านมีหน้าที่เลี้ยงลูกที่มีวัยเพียงสองขวบ

ภาพที่เห็นเป็นประจำวันของครอบครัวนี้คือเมื่อสามีกลับถึงบ้านเขาจะมาพร้อมกับเหล้าขาวครึ่งขวด ทุกๆ เย็นสามีจะเมาและพรรณาถึงโชคชะตาที่ทำให้ชีวิตของเขาเป็นแบบนี้ ส่วนภรรยาก็จะต่อว่าสามีทุกครั้ง ว่าเงินทองไม่พอใช้ยังจะกินเหล้าอีก ลูกเต้าก็กำลังจะโตแทนที่จะประหยัดเก็บเงินไว้ส่งเสียลูก เธอบ่นสามีด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่เลือกสามีผิด และสุดท้ายก็ลงเอยด้วยการทะเลาะเบาะแว้ง

วันหนึ่งเด็กน้อยวัยสองขวบดึงมือแม่พร้อมกับเปล่งคำพูดที่ยังไม่ค่อยเป็นภาษาว่า…ป่ะๆๆ แม่รู้ได้ทันทีว่าลูกจะชวนไปเด็ดฝักกระถินที่ขึ้นอยู่หลังกำแพงเพราะนี่คือของกินเล่นเพียงอย่างเดียวที่มี เด็กน้อยยิ้มอย่างสดใสด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุขขณะที่จูงมือแม่ไป แต่ในความรู้สึกของผู้เป็นแม่กลับสะท้อนใจด้วยความสงสารลูก เธอคิดโทษตัวเองตลอดเวลาที่ไม่มีปัญญาหาขนมดีๆให้ลูกกิน

จากสถานการณ์ที่จำลองขึ้นนี้ทำให้เราเห็นภาพของสภาวะได้ 3 สภาวะ

  1. สภาวะของคนที่แสวงหาความสุขเพื่อเยียวยาความทุกข์ที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่ ถึงแม้จะรู้ว่ามันเป็นแค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งนั้นไม่ดีต่อสุขภาพ ถึงแม้จะรู้ว่าสิ่งนั้นมีผลกระทบกับอะไรอีกหลายอย่าง แต่เขาก็ยังเลือกที่จะทำ ซึ่งสภาวะลักษณะนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่ยากจนเท่านั้น มันเกิดขึ้นได้กับทุกๆคน เกิดขึ้นได้แม้กระทั้งกับคนที่รวยล้นฟ้า เพียงแต่วิธีการเยียวยาความทุกข์ของเขาจะต่างกัน ขึ้นอยู่กับความสามารถในการแสวงหาการเยียวยา เช่นการซื้อของแพงๆ การเที่ยวคลับบาร์ ฯลฯ มันคือเครื่องบ่งชี้ว่าเขายังต้องการใช้สิ่งเหล่านั้นมาสมานรอยแผลที่เกิดจากความทุกข์ ซึ่งไม่ต่างจากตัวละครที่เป็นสามีที่รู้ทั้งรู้ว่าความสุขที่ได้จากการดื่มเหล้านั้นมันแค่ชั่วคราวไม่ถาวร แต่เขาก็ยินดีที่จะทำเพราะนี่คือความสุขที่เขาพอจะแสวงหาได้

2) สภาวะของคนที่มืดมนไร้หนทางและจมดิ่งอยู่กับความทุกข์อย่างสิ้นหวัง บนโลกจะมีคนที่อยู่ในสภาวะเช่นนี้มากมาย คนที่ต้องทนก้มหน้ารับความทุกข์จากสถานการณ์รอบด้าน ไม่สามารถมีแม้สักเสี้ยววินาทีที่จะได้รับการเยียวยาจากสิ่งใดๆ ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นคือ เขาจะมองว่าตนเองไร้ค่ามีอาการซึมเศร้ามีชีวิตอยู่ไปวันๆ บางครั้งอาจจะถึงกับอยากฆ่าตัวตายเมื่อมันถึงจุดที่ทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งไม่ต่างจากตัวละครผู้เป็นแม่ที่ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์แบบรอบด้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไหนจะมีชีวิตที่ลำบากยากแค้นอดมื้อกินมื้อ ไหนจะได้สามีที่ไม่เอาไหน ไหนจะต้องเลี้ยงลูกน้อยที่ดูเหมือนไร้อนาคต

3) สภาวะของคนที่ไม่รู้จักความทุกข์เลย คนที่มีความสุขได้กับทุกๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต คนที่ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน สภาพแวดล้อมเดียวกัน อยู่บ้านหลังเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ที่แสดงออกมากลับต่างกัน จากตัวละครในเรื่องนี้คือเด็กน้อยวัยสองขวบ มีคำถามที่น่าสนใจอยู่ว่า ทำไมเด็กน้อยคนนี้ถึงไม่มีความทุกข์ ทั้งๆที่ก็อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด ขาดแคลนอาหาร อยู่ในครอบครัวที่ทะเลาะเบาะแวงกันตลอดเวลา คำตอบคือเด็กคนนี้ยังไม่ประสีประสาหรือยังไม่มี “ความคิด” ถ้าเด็กคนนี้โตขึ้นจนเป็นผู้ใหญ่ เขาก็จะเริ่มรู้ว่าทั้งหมดที่เขากำลังเผชิญอยู่คือความทุกข์

ปรากฏการที่เกิดขึ้นกับเด็กน้อยคนนี้ชี้ให้เราเห็นว่า เมื่อเราเผชิญหน้ากับความทุกข์แล้วไม่จำเป็นต้องมีความทุกข์เสมอไป เราเห็นได้ชัดเจนว่าเด็กไม่มีความทุกข์ เพราะเขาไม่มี “ความคิด” แต่ถ้าเราจะเลียนแบบเด็กมันก็ยากเพราะผู้ใหญ่มี “ความคิด” แล้วเราจะทำอย่างไรเพราะเราโตแล้วเราคิดเป็นแล้ว บางทฤษฎีจึงเลือกที่จะใช้การ “หยุดคิด” พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้ไม่คิด แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันกลับยังไม่น่าพอใจ เพราะเรายังมีแววตาแห่งความเศร้าหมองหลงเหลืออยู่อย่างเต็มเปี่ยม ลำพังการหยุดคิดมันเป็นเพียงสภาวะแบบชั่วคราว เมื่อสิ้นสุดกระบวนการทำให้ “หยุดคิด” เราก็กลับมาคิดอีกอยู่ดี

เนื่องจากเรามีความสามารถที่ต่างจากเด็ก เรามีความสามารถในการใช้ “ความคิด”ซึ่งแท้ที่จริงมันคือศักยภาพพิเศษของการเป็นมนุษย์ ดังนั้นจงอย่าปฏิเสธ “การคิด” แต่จงใช้ “ความคิด”เพื่อเข้าสู่การสภาวะเฉกเช่นเดียวกับเด็กที่ “ไม่คิด” หรือการใช้ความคิดให้ถูกต้อง ทำให้เกิดความเข้าใจ ใช้ความคิดให้เกิดพลังงาน ซึ่งยิ่งถ้าเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้นๆ มีความยากลำบากมากแค่ไหน จงรู้ไว้เถอะว่าพลังงานและปรากฏากรณ์ที่ได้จากการคิดนั้นจะยิ่งทรง “พลานุภาพ”

พี่น้องที่รักทุกท่าน นี่คือความหมายของคำว่า“พ้นทุกข์”ได้อย่างแท้จริง การพ้นที่ไม่ต้องหนีออกจากสถานการณ์แห่งทุกข์ ไม่ใช่การพ้นที่เป็นสภาวะแบบชั่วคราว แต่มันคือการเผชิญหน้ากับความทุกข์ และสร้างความเข้าใจจนเกิดเป็นการพ้นแบบถาวรโดยที่ทุกข์นั้นจะไม่มีวันย้อนกลับมาทำร้ายเราได้อีกต่อไป บุคคลใดก็ตามที่ก้าวเข้าสู่สภาวะเช่นนี้ได้เขาจะมีแต่ความเบิกบาน เขาจะพบกับศานติสุขที่แท้จริง และเขาจะคือกองกำลังสำคัญในการสร้างโลกยุคพลังงานใหม่ ยุคที่มีการยกระดับได้แล้วทั้งทางกายภาพและพลังงาน มาเตรียมสภาวะนั้นให้พร้อมกับตัวเองกันเถอะ…

อารียา เมตายา

19.05.2020

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *



  • บทความล่าสุด

  • TAG

  • ตุลาคม 2024
    จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
     123456
    78910111213
    14151617181920
    21222324252627
    28293031